7 ข้อ กับการปลุกไฟแห่ง “ศิลปะ” ในตัวคุณ
7 ข้อ กับการปลุกไฟแห่ง “ศิลปะ” ในตัวคุณ กิจกรรมทางศิลปะนั้นช่วยทำให้เกิดการพัฒนาจินตนาการของมนุษย์ ก่อให้เกิดความอ่อนโยนทางอารมณ์ เกิดสุนทรียภาพและความประทับใจ นอกจากนี้ยังทำให้อวัยวะในส่วนต่างๆ ในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมเกิดความเคลื่อนไหว
กิจกรรมทางศิลปะนั้นก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันของเซลล์สมองในส่วนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับจินตนาการ ความซาบซึ้งประทับใจ การเคลื่อนไหวประสานกันของมือไม้ แขนขาที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมศิลปะ ดังนั้นศิลปะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึง และสร้างสรรค์ได้ บางคนอาจจะเป็นยอดฝีมือ มือสมัครเล่น หรืออาจจะชอบงานศิลป์ แต่ไม่ได้เก่งอะไรเลย
เลยอยากลองให้คุณสำรวจตัวเองว่า ตัวเรานั้นรักหรือชอบทางศิลปะจริงๆ หรือเปล่า อยากทำงานทางด้านศิลปะนี้จริงหรือไม่ การสำรวจตัวเองนี้ห้ามนำเอาทักษะทางด้านศิลปะ มาเนเครื่องวัดเด็ดขาด ขอเพียงแค่เรารักทางด้านนี้ก็พอแล้ว และเพื่อปลุกไฟแห่งศิลปะในตัวคุณ ไปดูกันว่าการสร้างนิสัย บุคลิก จิตใจของศิลปิน เพื่อใช้เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ศิลปะในอนาคต จะมีอะไรบ้างไปเรียนรู้พร้อมๆ กันเลย
1. มีใจฝักใฝ่
คือการสร้างจิตสำนึกในใจตลอดเวลาว่าเรามีเป้าหมายในชีวิตที่จะเป็นศิลปิน นักออกแบบ ฯลฯ แล้วพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจตลอดเวลา บางครั้งเราอาจสร้างฉากขึ้นมาให้ตัวเองเป็นนักศิลปะในแขนงนั้น ๆ ก็ได้ เช่นเราชมภาพยนตร์โฆษณาสักเรื่องหนึ่ง แล้วอาจจะลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นคนสร้างเราจะทำแตกต่างกับเขาอย่างไร อะไรที่เขาทำดีแล้ว อะไรที่ยังไม่ถูกใจเรา
หรือเมื่อเราดูมิวสิควิดีโอ เราอาจจะลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเป็นเราเราจะทำยังไงให้มันน่าสนใจกว่านี้ สวยกว่านี้เป็นต้น เรียกว่าเห็นอะไร คิดอะไร พูดอะไรก็ให้เกี่ยวกับศิลปะไปหมด ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณแสดงออกบ้า ๆ บอ ๆ กับเพื่อนหรือคนใกล้ชิดนะ ให้คุณสร้างจิตฝักใฝ่ขึ้นแล้วเก็บเอาไว้ในใจเพื่อเป็นเชื้อประทุในการเรียนศิลปะของเรานั่นเอง

2. ช่างสังเกต-จด-จำ
อย่ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างผ่าน ๆ แค่ให้รู้ว่าเป็นอะไร นั่นยังไม่พอสำหรับนักศิลปะ-ออกแบบทั้งหลาย เมื่อเรามองดอกกุหลาบเราต้องเห็นทั้งกิ่ง ใบ ดอก หนาม สี และรู้ความหมาย-ประโยชน์ของมัน บางครั้งเราอาจซื้อกุหลาบกำใหญ่จากตลาดซึ่งห่อด้วยหนังสือพิมพ์ เราอาจจะคิดเลยไปได้อีกว่าข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มันเกี่ยวข้องกับกุหลาบอย่างไร
การสังเกตและจดจำเป็นบุคลิกสำคัญของนักออกแบบ การสังเกตจดจำเปรียบเสมือนการกินอาหารของมนุษย์ทำให้เรามีข้อมูลอยู่ในสมองมาก เป็นการสร้างประสบการณ์ และโลกทัศน์ให้กว้างขวาง และเมื่อเราเรียนหรือทำงานศิลปะสิ่งที่เราสังเกตจดจำเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นงานออกแบบ หรือไอเดียที่ดีจนบางครั้งเราเองยังประหลาดใจ…
3. มีความคิดสร้างสรรค์
โดยทั่วไปมนุษย์มักจะคิดถึงเรื่องต่างๆ ตามเหตุและผลหรือตามข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่มีความคิดแปลกแยกออกไปและเป็นความคิดในเชิงบวกผู้นั้นจะถูกยกย่องให้เป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะคือความแปลก ใหม่ จริง ดี งาม ดังนั้นผู้ใดที่รู้จักคิดยอกย้อนสลับซับซ้อนและสร้างสรรค์แล้ว ผู้นั้นก็เหมาะที่จะดำเนินอาชีพในเชิงศิลปะ

4. ใจกว้าง
อาจจะแปลกใจกับข้อนี้สักหน่อยที่ว่า นักศิลปะทั้งหลายที่เรารู้จักมักจะมีอีโก้สูง เชื่อมั่นในความคิดของตนเอง แล้วทำไมผมจึงบอกว่าผู้ที่จะเรียนศิลปะต้องใจกว้าง คำว่าใจกว้างหมายถึงให้รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเพื่อนำมาพิจารณา (ไม่ได้หมายความว่าให้เชื่อตามคนอื่น)
ใจกว้างที่จะรับฟังสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต เช่น อาหารแปลก ๆ ฟังเพลงได้หลากหลายแนว สนใจที่จะรับรู้แนวคิดหรือความเชื่อที่ไม่เคยพบมาก่อน ฯลฯ เหล่านี้จะทำให้เราเป็นนักออกแบบที่มีน้ำหนักในความคิดและคำพูด เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ
5. เป็นคนไวต่อความรู้สึก
รับรู้การสัมผัสได้เร็ว ไม่เฉื่อยชา ความรู้สึกแบบนี้จะช่วยให้เราปิ๊งกับไอเดียแปลกๆ ได้เร็ว คนที่ทำงานศิลปะมักจะพบว่า บางครั้งเจ้าความคิดหรือไอเดียดีๆ มักจะผ่านเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นหากเราเป็นคนไวเราจะเก๊ตไอเดียได้ดีกว่าคนอื่น
6. หัดตั้งคำถามและหาคำตอบ
การตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตนเอง จะช่วยให้เราเป็นคนมีเหตุผล ถึงแม้คำตอบเราจะไม่ถูกต้องตาความจริง แต่มันจะเป็นการฝึกให้เรารู้จักใช้สิ่งประกอบต่าง ๆ มาอ้างอิงสนับสนุนความคิด (ฝัน) ของเรา เช่นคำถามที่ว่าทำไมฝนตกรถจะต้องติด บางคนอาจตอบว่าอุบัติเหตุบ่อยรถจึงติด บางคนอาจตอบว่าคนต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นทำให้รถเคลื่อนตัวช้า
แต่บางคนอาจบอกว่าพอฝนตกตำรวจจราจรก็เข้าไปหลบฝนหมดรถก็เลยติด เพราะไม่มีจราจรคอยดูแล เป็นต้น นี่แสดงให้เห็นว่าคำถามเดียวเราอาจมีหลาย ๆ คำตอบที่ถูกได้ทั้งหมด ศิลปะก็เช่นกัน ทุกคำตอบจะถูกหมด เพียงแต่ว่าคำตอบไหนจะเหมาะสมกับสถานการณ์ใดเท่านั้นเอง
7. เป็นนักฝัน
ข้อนี้สำคัญมาก แค่ฝันเราก็ยังไม่กล้าแล้วจะลงมือทำได้อย่างไร เมื่อเป็นเด็กผมชอบมองก้อนเมฆแล้วเห็นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ในใจก็คิดสร้างเรื่องราวไปตามรูปก้อนเมฆที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ พอโตขึ้นมาผมก็อยากเป็นนักเขียนอย่าง “ไม้ เมืองเดิม” เพราะได้อ่านนิยายเรื่องขุนศึก
อ่านเสร็จก็ลงมือเขียนเลยแล้วก็จินตนาการไปว่าเราได้เป็นนักเขียนแล้ว ผมเคยฝันที่จะเป็นนาโอโตะอีโร่ในการ์ตูนหน้ากากเสือ ความคิดฝันดี ๆ ของเรามันจะไม่สูญเปล่าหรอกหากเรากล้าฝันสักวันมันจะถูกถ่ายทอดออกมาจากตัวเราในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เหมือนเป็นเพื่อนรักของเราตลอดไป
แต่อย่างไรก็ตาม ศิลปะนั้นคือ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่รู้จบ ด้วยสังคมใดๆ ก็ล้วนต้องการคนที่มีจินตนาการ สร้างสรรค์ มีความสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองได้ ทั้งทางคำพูด ปฏิบัติ และผลงาน หากคุณมีใจรักศิลปะ อย่ากังวลไปว่าคุณไม่มีพรสวรรค์ หรือไม่ได้เก่ง เพราะศิลปะนั้นสามารถฝึกฝน และเก็บประสบการณ์ความผิดพลาดต่างๆ มาเป็นบทเรียนให้เราได้ เพราะฉะนั้นอย่าท้อ หมั่นเรียนรู้ และฝึกฝนต่อไป
บทความทราน่าสนใจ : หน้าแรก