เป็นสิ่งที่ยากมาก ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักแต่ของที่คุณกินเข้าไปยังต้องใส่น้ำตาลเข้าไปอยู่ มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง เราก็เลยอยากมานำเสนอบทความ น้ำตาลกินได้แต่กินอย่างมีวิธี เพื่อให้หลายๆคนที่อยากลดน้ำหนักหรือเริ่มหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น
น้ำตาลกินได้แต่กินอย่างมีวิธี
น้ำตาล
น้ำตาลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจากน้ำตาล ในการทำงานของกิจกรรมต่างๆของเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ทั้งหมดของร่างกาย คนสมัยก่อนบริโภคอาหารพวกธัญพืช ถั่ว ผัก ผลไม้ เครื่องเทศ น้ำนม น้ำผึ้ง และอาหารอื่น ๆ ซึ่งมาจากธรรมชาติ อาหารตามธรรมชาติเหล่านี้ก็มีน้ำตาลปะปนอยู่แล้ว
การทำน้ำตาลทรายขาวได้ค้นพบและทำกันมาเมื่อ 1,400 กว่าปีมานี้เอง โดยการทำน้ำอ้อยให้เข้มข้นและบริสุทธิ์มากขึ้นแล้วตกผลึกเป็นของแข็งก็จะกลายเป็นน้ำตาลทรายที่มีลักษณะเป็นเกล็ดขาวๆ

ชนิดของน้ำตาล
1. กลูโคส
เป็นน้ำตาลที่พบในพืชผัก ผลไม้ กลูโคสเป็นสารสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนและสัตว์ อาหารพวกแป้งที่เรากินเข้าไปจะถูกย่อยสลายเป็นกลูโคสแล้วถูกดูดซึมเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด บางทีจึงเรียกว่าน้ำตาลในเลือดถ้าร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกอินซูลินเปลี่ยนเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเก็บสะสมไว้ใช้ในภายหลัง
2. ฟรุกโตส
เป็นน้ำตาลที่มีรสหวานที่สุด พบได้ในผลไม้ น้ำผึ้ง ฟรุกโตสเป็นน้ำตาลที่แบคทีเรียในปากไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นกรดได้ จึงไม่ทำให้ฟันผุ
3. กาแลกโตส
น้ำตาลที่ได้จากการสลายตัวของแลกโทสในน้ำนม พบได้ในน้ำนม
4. ซูโตรส
น้ำตาลทรายขาวที่ได้จากการเคี่ยวน้ำอ้อยซึ่งผ่านกระบวนการฟอกสี และทำให้ตกผลึก แยกสารเจือปนอื่นๆ เช่นโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยออกไปแล้วเหลือแต่ส่วนที่เป็นน้ำตาลเท่านั้น
5. แลกโตส
เป็นน้ำตาลที่พบในน้ำนมและเป็นน้ำตาลที่ไม่มีรสหวาน มีความจำเป็นต่อการเจริญของทารก คือช่วยการดูดซึมแคลเซียมและช่วยในการเจริญของแบคทีเรียที่สร้างวิตามินในลำไส้ของทารก

โทษของน้ำตาล
1. โทษของน้ำตาล ทำให้อ้วน
ถ้ากินน้ำตาลที่มากเกินความต้องการของร่างกาย เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะเป็นพลังงานส่วนเกิน และเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บสะสมในร่างกายเป็นสาเหตุของ ภาวะอ้วน ซึ่งทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลาย ๆ โรคตามมา เช่น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ
2. ร่างกายติดเชื้อง่าย
คนที่ชอบกินน้ำตาล กินหวานจัดบ่อย ๆ จะทำให้ระบบความสมดุลแร่ธาตุในร่างกายเสีย ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง ทำให้ติดเชื้อง่าย เจ็บป่วยง่าย
3. ทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง
การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายบ่อย ๆ ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ เมื่อกินน้ำตาลเป็นเวลานาน จะทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น
4. ร่างกายเซื่องซึม
เมื่อกินน้ำตาลซูโครสมากเกินแทนที่จะสดชื่น แต่จะทำให้กรดอะมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตฟาน ถูกเร่งเข้าสู่สมองมากเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมอง ผลที่ตามมาก็คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึม เหนื่อย ไม่กระฉับกระเฉง ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เรียนไม่รู้เรื่อง
5. สาเหตุโรคเบาหวาน
น้ำตาลในเลือดสูง เลือดเป็นกรด ร่างกายไม่สมดุล ทำให้ตับอ่อนให้ผลิตฮอร์โมนอินซูลินเพื่อที่จะได้เปลี่ยนระดับน้ำตาลให้กลายเป็นไกลโคเจน และไขมัน ทำให้ตับอ่อนล้าหรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ และผลที่ตามมาก็คือการเกิดโรคเบาหวาน

โรคที่มากับน้ำตาล
1. โรคเบาหวาน
การกินหวานมากเกินไป ทำให้มีโอกาสเกิดโรคเบาหวานที่เกิดจากการสร้างอินซูลินไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน โดยเมื่อกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงเป็นเวลานานก็เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เป็นเบาหวานได้ หากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินออกมาเพียงพอ
2. โรคอ้วน
เมื่อกินหวาน กินน้ำตาลมากเกินความต้องการ ร่างกายจะเผาผลาญไม่หมด ทำให้น้ำตาลกลายเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย จนเกิดภาวะอ้วน เป็นโรคอ้วนได้
3. โรคผิวหนัง
เมื่อเกิดภาวะอ้วนขึ้นจากการกินน้ำตาลมากเกินไป ทำให้ร่างกายมีโอกาสติดเชื้อราได้ง่าย มักพบบริเวณขาหนีบหรือรอยพับของผิวหนัง และอาจเกิดเส้นเลือดขอดตามแขนขาได้อีกด้วย รวมทั้งทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัยด้วย
4. โรคมะเร็ง
เมื่อกินน้ำตาลมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะอ้วน ซึ่งความอ้วนมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งในอวัยวะบางส่วนของร่างกาย เช่น มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก มะเร็งหลอดอาหาร หรือมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สุบบุหรี่ เป็นต้น
5. โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยจากความอ้วน และ น้ำตาลในเลือดสูงเพราะโรคเบาหวาน ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงให้มีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้เช่นกัน
6. กระดูกพรุน
เมื่อเป็นเบาหวานไม่ว่าจะชนิดใด ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงอยู่เป็นเวลานานจนเกิดผลเสียต่อร่างกายรวมถึงกระดูกด้วย ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลงอย่างมากแม้ว่าความหนาแน่นของกระดูกอาจไม่ลดลง
7. ไขมันพอกตับ
เกิดจากร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป จนทำให้เกิดการสะสมอยู่ที่ตับ ซึ่งไขมันส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมาจากอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และ น้ำตาล นั่นเอง
8. ความดันโลหิตสูง
สาเหตุของโรคความดันโลหิตอาจจะไม่แน่ชัด แต่น้ำหนักตัวเกินและภาวะอ้วน อาจทำให้เกิดความเสี่ยง เพราะโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ที่ตีบจากภาวะไขมันเกาะผนังหลอดเลือด เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงตามมาได้
9. โรคซึมเศร้า
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่ทำการทดลองเรื่องระดับน้ำตาลกับภาวะซึมเศร้ากับหนู แสดงให้เห็นว่าการได้รับน้ำตาลในปริมาณที่เกินขนาด จะทำให้การผลิตโปรตีนที่ชื่อว่า BDNF ในสมองลดลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมระดับความเครียด และนำไปสู่ภาวะอารมณ์แปรปรวนขั้นรุนแรงได้
10. ฟันผุ
น้ำตาลทรายเป็นน้ำตาลประเภทซูโครส เป็นน้ำตาลที่อันตรายที่สุดต่อฟัน เพราะเป็นน้ำตาลที่จุลินทรีย์ ซึ่งอยู่ในจุลินทรีย์ชอบมากที่สุด หากกินหวานมาก ๆ โดยไม่ดูแลช่องปากให้สะอาด โดยเฉพาะในเด็ก ๆ มีโอกาสเกิดฟันผุได้ง่ายมาก ซึ่งฟันผุนั้นหากไม่รักษาก็อาจส่งผลให้เกิดโรคเหงือกและช่องปากร้ายแรงตามมาได้

ปริมาณน้ำตาลที่สามารถกินสูงสุดต่อวัน
ผู้ชาย ไม่ควรเกิน 9 ช้อนชา ผู้หญิงและเด็ก ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผู้หญิงและเด็กถึงกินน้ำตาลได้น้อยกว่าผู้ชายนั้นเพราะว่าร่างกายของผู้ชายนั้น สามารถเผาพลาญได้ดีกว่าผู้หญิงและเด็ก
เลือกกินน้ำตาล
เวลาเรากินน้ำตาลควรที่จะกินน้ำตาลที่ใส่ในอาหารมากกว่าน้ำตาลที่อยู่ในขนมหวานและเครื่องดื่ม ยิ่งถ้าเราอยากลดน้ำหนักควรที่จะงดไปเลยคือขนม และน้ำอัดลม รวมไปถึงชานม และเครื่องดื่มอื่นๆ เพราะว่าขนมส่วนมาก มีส่วนผสมของแป้ง และน้ำตาลเป็นหลัก
ซึ่งในการกินขนมสักชิ้น หรือสองชิ้น ก็อาจทำให้ได้รับปริมาณน้ำตาลเกินกว่าที่ควรได้กินได้ต่อวันไปแล้ว เช่นเดียวกันกับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลักในแทบจะทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ( ยกเว้ยกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ) ชา โดยเฉพาะเจ้าชานมไข่มุก ที่มีทั้งน้ำตาลจากชานม และแป้งกับน้ำตาลทรายแดงจากตัวไข่มุก หรือน้ำปั่น
ลดได้ แต่ห้ามขาด
ความจริงแล้วร่างกายของเราต้องการน้ำตาล เพื่อที่จะมาเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับเรา และยังช่วยทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย เพราะน้ำตาลจะช่วยไปกระตุ้นให้ร่างกานหลั่งสารเอนดอร์ฟิน และเซโรโทนิน ที่จะช่วยให้เราอารมณ์ดี และลดความเร่าร้อน หรือหงุดหงิดง่ายได้ดี และหากว่าร่างกายของเราได้รับน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม
จะทำให้เรามีฮอร์โมนความเครียด หรือที่เรียกกันว่า กลูโคคอร์ติคอยด์ในร่างกายน้อยกว่าการที่เราไม่กินน้ำตาลไปเลย ถึง 25 % ซึ่งเจ้าฮอร์โมนความเครียดนี่แหละที่เป็นตัวที่ทำให้เราอ้วนขึ้นได้ง่าย และยังทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเราอ่อนแอลงอีกด้วย เช่นเดียวกันหากเรากินน้ำตาลมากก็จะทำให้เรามีฮอร์โมนความเครียดสูง ทำให้อ้วนและร่างกายอ่อนแอ

ภาวะกินไม่ยั้ง
การที่เราเลือกที่จะไม่กินน้ำตาลไปเลย ทำให้ร่างกายขาดพลังงาน และเมื่อมีโอกาสที่จะกิน ก็จะพบว่าเราจะกินในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีน้ำตาลหรือไม่ และหากมีน้ำตาลร่างกายก็จะสั่งให้เรากินมันเข้าไปในปริมาณที่มากจนยากจะเกินห้ามใจ
กลายเป็นว่าการลดน้ำตาลที่ผ่านมาของเราก็สูญเปล่า แถมยังได้รับปริมาณน้ำตาลต่อวันสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นอีก จึงทำให้เราไม่สามารถควบคุมการกินได้ ถ้าอยากลดน้ำตาลควรที่จะใช้วิธีค่อยๆปรับลดเอา เพื่อที่จะช่วยทำให้ร่างกายของเราชินและสามารถปรับการกิน ควบคุมการกินอาหารได้ในระยะยาว
ถ้าคุณชอบผลงานศิลปะ ก็คงจะรู้จักงานศิลปะพวกนี้ งานศิลปะชิ้นโบว์แดง แต่ถ้าไม่สนใจเราก็มีบทความที่ถ้าคุณกำลังคิดที่กำลังทำธุรกิจต้องมาอ่าน กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่